ปกติพาลูกเที่ยวก็จัดตารางยากแล้ว นี่พาเบบี๋ในท้องอีกหนึ่งไปด้วย เราเลยต้องจัดทริปเบาๆ กันนะคะ ตั้งใจจะเบา พอถึงเวลาจริง บางวันไม่เบาเท่าไหร่แฮะ 😆😆😆
ทริปเกิดเมื่อตอนหม่ามี๊แพนด้าท้อง 27 ย่างเข้า 28 วีค ส่วนแพนด้า 5 ขวบครึ่งแล้วค่ะ เลือกทริปสั้นๆ 4-5 วัน ช่วงปลายปี อากาศดีๆ จะได้เดินไม่เหนื่อย จัดกระเป๋าไม่ยากไม่ต้องขนของเยอะ ไปไม่ไกล บินสั้นๆ คนท้องไม่เมื่อยมาก
ทำไมเลือกเซี่ยงไฮ้
นอกจากตอบโจทย์ข้างบนแล้ว ข้อดีอื่นๆ นะคะ
– เป็นเมืองที่คุ้นเคย เคยเที่ยวแล้วเที่ยวง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ สถานที่เที่ยว landmark ต่างๆไม่ไกลกันมาก เดินทางไม่ใช้เวลาเยอะเกินไป
– แลกไมล์การบินไทยได้ในช่วงหยุดยาวต.ค.วันปิยะค่ะ ใจจริงก็อยากไปโตเกียวโอซาก้าแหละแต่ตั๋วโปรมันเต็ม 😆
– เซี่ยงไฮ้มี Shanghai Disneyland ที่เราไม่เคยไป
– อาหารการกินหาง่าย ในเมืองมีความสะดวก รถไฟดี ห้างเยอะ ร้ายอาหารดีๆ ก็มี เป็นเมืองจีนที่ไม่ลำบากค่ะ เที่ยวคุณหนูๆได้
– อากาศดีน้า ถึงไม่มีธรรมชาติสวยๆแบบญี่ปุ่น อากาศดีแบบนั้เดินเที่ยวไม่เหนื่อย 17-25 องศาช่วงปลายต.ค.
แพลน 5วัน 4คืน
มาดูกันว่าเรากระเตงคนท้องลูก1 เที่ยวอะไรมาได้บ้าง
วันที่ 1 เครื่องลง 6 โมงเช้า
Hotel – The Bund Sightseeing – Hotel – East Nanjing Street
ทั้งวันได้เท่านี้แหละค่ะ 😅😅 คือเครื่องลงเช้ามาก เพราะขึ้นเครื่องเที่ยงคืน ก็มีความเพลีย อันนี้อาจไม่เหมาเกียทุกท่าน คือบ้านนี้คนท้องหลับง่าย ก็ค่อนข้างหลับได้เยอะ แพนด้าก็นอนดี เลยไม่ค่อยเพลียมาก คนที่เพลียสุดคือป๊าแพนด้า นางนอนยาก แทบไม่หลับเลย
เราถึงรร. ก่อน 9 โมง ฝากกระเป๋าเพราะยังเช็คอินไม่ได้ โรงแรมให้เช็คอินเที่ยง ซึ่งก็ถือว่าใจดีนะ ปกติต้องบ่ายสองบ่ายสามนู่น เราเลยไปหาข้าวกินร้านแถวโรงแรม และเดินไปชมวิว the bund เพลิน ๆ โรงแรม Metropole Bund Circle ดีมาก คือ เดินไป the bund ไม่ถึง 5 นาทีเอง กลับมา 11.30 เค้าก็ให้เข้าห้องละค่ะ
รีวิวที่พักเซี่ยงไฮ้ Metropole Bund Circle สไตล์ Art Deco ติด the bund จุดชมวิวแม่น้ำ Huangpu
ขึ้นห้องอาบน้ำนอนงีบกันพักใหญ่เลย ค่อยออกมาอีกทีตอนเกือบสามโมง ทีนี้แรงเยอะเลย เดินไป east Nanjing street ก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเหมือนกันค่ะ
ระหว่างทางมีร้านกาแฟน่ารัก แวะเข้าไปแป๊บนึง
อ่านรีวิว Cafe Hopping ที่ The Press Shanghai – East Nanjing Road
East Nanjing เป็น walking street เดินได้ยาวๆ นี่คือเราเดินกันจนสี่ทุ่มได้ รวมเวลาหาข้าวมื้อเย็นกินแถวนั้นแล้วเดินกลับ สรุปวันแรกไม่มีรถไฟเลยค่ะ เดินอย่างเดียว
จากแผนที่คือเดินจากขวาไปซ้าย ถนนคนเดินจะไปจบที่แถว สถานีรถไฟ People Square จะไปลงรถไฟตรงนั้นกลับมาก็ได้ค่ะ แต่ของเราใช้เดินกลับ เพราะขากลับแขวนของเต็มรถเข็นเลยและแพนด้ากำลังจะหลับ คิดว่าหอบรถเข็นพร้อมลูกขึ้นรถไฟ น่าจะเหนื่อย เดินทางราบกลับดีกว่า
วันที่ 2 Xintiandi – Natural History Museum – Starbucks Roastery
วันนี้เริ่มใช้รถไฟละค่ะ ไปเดินเล่นสวยๆ Xintiandi ที่เค้าว่ามีร้านกาแฟ ร้านอาหารน่ารักเยอะ เป็นถนนที่มีเสน่ห์ มีตึกแบบเก่า แต่ร้านต่างๆ ตกแต่งให้ความรู้สึก modern คือมันเหมือนเป็นแหล่งรวมฝรั่งในเซี่ยงไฮ้ คือต่างชาติน่าจะมากกว่าคนจีน
อ่านรีวิว Xintiandi Street Shanghai เที่ยวจีนมุมมองใหม่ ร้านน่านั่ง บรรยากาศดี
และเรากะว่าจะไปแวะทานหม้อไฟร้านดังที่ Haidilao สาขา people Square อุตส่าห์เดินไปจนถึง แต่ว่าคิว 1.30 ชั่วโมง ไม่ไหวละหิว เลยกินเป็ดย่างร้านข้างๆ ปรากฏว่าอร่อย ฝากไว้ให้พิจารณานะคะ
#แพนด้าชวนชิม Roast duck pot เป็ดย่างเซี่ยงไฮ้ เมนูอลังการเสิร์ฟพร้อมซุปหม้อใหญ่ในราคา 128 หยวน ร้านดูดีทีเดียว อยู่ในห้าง No.1 Department Store
พออิ่มท้อง เที่ยวต่อได้ แต่ตัองทำเวลานิดค่ะ วันนี้ตื่นสายทำไรช้าไปหมด ต้องไป Shanghai Natural History Museum ต่อ ซึ่งจริงๆ ควรมีเวลาครึ่งวัน แต่เรามีเวลาสองชั่วโมงแหละ เอาน่า
เดินสองชั่วโมงไม่หมดจริงๆ ทำได้ดีเลย ถ้ามีเวลาควรอยู่นานกว่านี้จริงๆ ค่ะ แพนด้าชอบมาก
อ่านรีวิวค่ะ Shanghai Natural History Museum ยิ่งใหญ่อลังการไฮเทค กับพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวของเซี่ยงไฮ้
เดินจนเค้าปิดไฟไล่ค่ะ มีคนเดินจนปิดเหมือนเราเยอะนะ เค้าไม่มีประกาศไรเลย ถึงเวลาปิดก็หรี่ไฟ และพวกวีดีโอในจอ multimedia ต่างๆ ก็ปิดพรึ่บ
ณ จุดนี้ เพลียมาก กะว่าจะกลับไปหาอะไรทานแถวโรงแรม แต่ขากลับขึ้นรถไฟมันต้องมา transit ที่สถานี west nanjing แล้วไม่ได้ transit ข้างใน แบบว่าคือต้องออกมาจากสถานี แล้วเปลี่ยนอีกขบวน เราเลยได้ไป Starbucks โดยบังเอิญ เพราะมันอยู่ตรงสถานีเลย คือออกมาแล้วเห็นชัดแบบไม่ต้อวพยายามมองหา
อ่ะแวะซะหน่อย Starbucks ใหญ่สุดในจีน และติดอันดับโลก ซี่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว เห็นใครๆ มาเซี่ยงไฮ้ก็ต้องมานี่
จบจากที่นี่ แวะกลับโรงแรมพักขาแพ๊บ เมื่อยเหมือนกันนะเนี่ย แล้วออกมาเดินเล่นหาข้าวทาน และเดินย่อยชมวิว the bund ตอนกลางคืนค่ะ ถ้ามีเวลามา the bund รอบเดียว ควรมาตอนบ่ายแก่ ฟ้าสว่างจนพระอาทิตย์ตกนะคะ สวยคนละแบบ
วันที่ 3 brunch – Pearl Tower Observatory – Toy Story hotel – Disney Town
วันนี้จัดตารางหลวมๆ เพราะต้องย้ายโรงแรมไปแถว Disneyland แล้วค่ะ เลย หาข้าวทานมื้อสายง่ายๆ แถวโรงแรม ใกล้ๆสถานีรถไฟ
ปรากฏว่ากลายเป็นร้านโปรด หมูแดงเป็ดย่างหมูกรอบอร่อย ราคากลางๆ และ มีหลายสาขา ไปเจอที่ Disney town อีกได้กินอีกหลายรอบเลย (ภาพประกอบจากใน Disney Town นะคะ แต่กินไปสามรอบถ้วนทริปนี้ คุณภาพค่อนข้างคงที่)
จากนั้นเรานั่งรถไฟ 1 สถานี มา pearl tower หรือหอไข่มุกค่ะ ขึ้นไปชมวิวกัน
สิ่งที่ดีและน่าใช้เวลามากสุดคือ ชั้นพื้นกระจกนะคะ ชั้นอื่นๆธรรมดาอะ
Shanghai Pearl Tower Observatory ชมวิวเซี่ยงไฮ้มุมสูงที่หอไข่มุก
และแล้วราชรถก็มารับเราย้ายโรงแรมค่ะ toy story hotel คือโรงแรมเด็กอย่างแท้ทรู ไม่ผิดหวังเลย คิดว่าได้มาอีกแน่ๆ
รีวิวโรงแรม Toy Story Hotel Shanghai Disneyland
มื้อค่ำเรานั่ง shuttle bus โรงแรมไป Disney Town ประมาณ 5 นาทีนะ รถเองมาบ่อย ทุก 10 นาทีไม่เคยต้องรอนาน อาหารมีร้านให้ทานเยอะค่ะ สะดวกอยู่
คืนนี้รีบนอนเอาแรง เพราะวันรุ่งขึ้นเราจะไปลุย Disneyland กันแต่เช้า
วันที่ 4 Disneyland – hotel – Disneyland – Disneytown
ความดีงามของการนอน Toy story hotel คือ ระหว่างวันกลับมานอนพักโรงแรมได้ไม่เสียเวลามาก ทำให้เรามีแรงกลับไป อยู่ถึงดูพลุตอน park จะปิดได้ เย้ แพนด้าก็ได้เปลี่ยนชุดเจ้าหญิงสองชุด ฟิตสุดๆ
อ่านรีิวิวคลิกที่นี่ค่ะ แพนด้าพาเที่ยวเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ Shanghai Disneyland ครั้งแรกของหนู #1 สิ่งที่ประทับใจ
วันที่ 5 หมดแรงแล้วจ้า วันนี้เดินเล่นเบาๆ ในโรงแรม ออกมาหาไรทานที่ DisneyTown แล้วออกจากโรงแรมตอน บ่ายสองครึ่ง ไปสนามบิน เครื่องออก 5 โมงกว่า คืออีกทางเลือกบ้านไหนฟิต ๆ จะขึ้นรอบดึก นอนบนเครื่องตอนกลับก็ได้ค่ะ แต่คนท้องขอเซฟร่าง จะได้แข็งแรงไปทริปต่อไปไหวจ้า
Tips ช่วยเซฟแรงระหว่างเดินทาง
– การเดินทางระหว่างสนามบินถึงโรงแรม และการย้ายโรงแรม ปกติมีลูก 1 ก็เดินทางด้วยรถไฟแบบแบกกระเป๋ายากละ มีคนท้องอีก 1 เลิกคิดไปเลยค่ะ เจ้ารถไฟหัวกระสุน maglev ที่เค้าว่าเร็วมากไม่ต้องเจอรถติดคงไม่ใช่ทางสำหรับบ้านนี้ เราจอง limo จาก airport ไปรร. (ประมาณ 1000 บาท) และ จากรร.ในเมืองไป โรงแรมใน Disneyland (ประมาก 900 บาท) เพราะระยะทางยาว ถ้านั่งแท๊กซี่มี 500-700บาทอยู่แล้ว จอง limo ใน KLOOK ราคารับได้ ตัดบัตรเครดิต ไม่ต้องลุ้นว่าจะคุยกับคนขับไม่รู้เรื่องเดี๋ยวพาหลง อันนี้ระบุจุดหมายปลายทางล่วงหน้าได้เลย ตัวคนขับเอง ก็พูดอังกฤษไม่ได้แหละ แต่เค้าใช้วิธีคุยกะเราผ่านแอพมือถือ กดยื่นให้เราพูด ใช้ภาษามือช่วยบ้าง 😆
ขาจากรร. ใน Disneyland ไปสนามบินค่อนข้างใกล้ เราให้จนท. รร. ซึ่งพูดอังกฤษกะเรารู้เรื่องคุยกับแท๊กซี่ให้กันหลงค่ะ
– เลือกโรงแรมให้ใกล้ที่เที่ยวและรถไฟ อันนี้คือเราต้องประหยัดพลังงานในการเดินเมื่อกระเตงลูกเที่ยวอยู่แล้ว พอมีคนท้องอีก เราควรเดินเท่าที่จำเป็น และอยู่ใกล้ที่เที่ยวไม่ต้องกลัวว่าเหนื่อยแล้วต้องรีบเข้าโรงแรมจะเที่ยวได้น้อย คือเข้าไปพัก เข้าห้องน้ำแล้วออกมาเดินเที่ยวต่อยังได้เลย
โดยสรุปแล้ว คิดว่าทริปนี้ค่อนข้างฟินสำหรับเรา แต่ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์ท่านอื่นอาจจะต้องดูว่าเดินไหวแค่ไหน เพราะมี๊แพนด้าซ้อมเดินมาเยอะ ปกติเป็นคนเดินเยอะ และออกกำลังกาย เลยเดินได้ค่อนข้างเยอะ นี่คือที่ นาฬิกา Fitbit จับได้ คือสี่วันพีคๆอะค่ะ ตั้งแต่ 16,000 ก้าว ยัน 2 หมื่นกว่า วัน 2 หมื่นคือวันที่เที่ยว Disneyland ทั้งวัน อันนี้ไม่ต้องเอาเป็นตัวอย่างนะ 😆😆 ตอนเดินก็สนุกลืมตัว บอกเลยว่าไม่ได้ตามใจลูก การเที่ยว Disneyland นี่คือเอาใจคนท้องล้วนๆ
แต่ก็ต้องมีพักเรื่อยๆ และไม่ฝืนนะคะ สำหรับคนท้องเมื่อยๆ ทุกคืนก็ต้องมีท่ายืดขาคลายเส้นบ้าง ให้แพนด้าช่วยนวด กับป๊าแพนด้าช่วยกัน และรองเท้าผ้าใบดีๆ ช่วยได้เยอะค่ะ adidas ultraboost คือดีจริง ไม่ได้โฆษณา อันนี้ใช้เองเลิฟเอง 😘🧡 รู้สึกว่ากลับจากทริปเดินเยอะขนาดนี้ ร่างไม่พังนะ วันรุ่งขึ้นก็ตื่นไปทำงานปกติ แต่เดินช้าหน่อย 😆
เดี๋ยวมาเขียนเรื่อง trip 2 คือ babymoon ที่เกาหลีตอน 30 วีคค่ะ