ถือว่าเป็นการเดินทางที่มีเรื่องตื่นเต้นพีคสุดตั้งแต่เดินทางมาเลยค่ะ ให้เป็นที่ 1 แซงการตกเครื่องตอนพาแพนด้าบินทริปแรกเลย
มันเป็นอะไรที่วุ่นมาก คิดอยู่นานว่าจะเรียบเรียงเล่ายังไง แต่อยากให้เป็นประโยชน์กับการวางแผนเดินทางของบ้านเพื่อนๆนะคะ
เวลาเล่าอาจจะอินนิดนึง บ่นเวิ่นเว้อใส่อารมณ์บ้าง ขออภัยล่วงหน้านะคะ 😅
ทริปนี้เราบิน Malaysia Airlines จาก BKK ไปแวะเที่ยว KL วันนึง แล้วบิน KL – Bali ไฟลท์กลางคืน 3 ทุ่ม
❌❌ ไปถึงสนามบินไม่ทัน 2 ทุ่ม โหลดกระเป๋าไม่ได้
เหตุเกิดที่ KL สนามบิน KLIA โดยระเบียบของสนามบินคือเราควรต้องถึงสนามบินก่อนเวลา1-2 ชม. และกฏเขียนไว้ชัดเจนว่าต้องมาเช็คอิน1 ชม. ก่อนบิน เราเคยสายนิดหน่อยที่อื่น ก็ส่วนใหญ่ผ่านมาได้ เลยอาจประมาทไป คราวนี้เรามาหลังเวลาเช็คอินปิด 15 นาที ซึ่ง check in counter ปิดแล้วจริงๆ ทั้งๆที่เรา online check in มาแล้ว จนท ก็ไม่ให้เราโหลดกระเป๋า มารู้อีกทีว่าเป็นความ strict ของสนามบินเอง สายการบินอื่นบิน KLIA ก็เคี่ยวกับการปิด check in counter เช่นกัน
ความใจร้ายของจนทคือพูดว่าไม่อย่างเดียว ไม่มองหน้า ไม่สนใจ เราก็ลองอ้อนวอนขอร้องแหละ รู้ว่าเคสนี้เราผิดที่สาย ถามว่าเรามีทางเลือกไรบ้าง นางบอกก็เลื่อนไฟลท์ เร็วสุดคือพรุ่งนี้ เราก็ยังขอร้องต่อ ช่วยไรเราไม่ได้เหรอ จนท บอก ชั้นออก boarding pass ให้ได้นะเพราะยูเช็คอินออนไลน์มาแล้ว แต่กระเป๋าใหญ่ไปไม่ได้ ตัวเราบินไปกระเป๋าตามไปก็ไม่ได้กฏการบินคือกระเป๋าต้องอยู่เครื่องลำเดียวกับเจ้าของ
เมื่อรู้ว่าบินไม่ได้แน่ๆ เลยกดหาไฟล์ทีสายการบินอื่น ด้วยความรีบเห็น AirAsia มีไฟลท์ 21.50 ออกที่ KLIA2 ขณะนั้น 20.25 ในใจคิดว่าเราน่าจะไปถึงทันก่อนเคาน์เตอร์ปิดชั่วโมงนึง เวลาไม่มีให้คิดเยอะ ตัดสินใจให้จนทออก boarding pass ให้พ่อลูกรีบวิ่งเข้าไป gate เพราะเรารู้ว่ายังไงก็วิ่งทัน ส่วนมี๊แพนด้ารีบเข็นกระเป๋าไป KLIA2 วิ่งไม่คิดชีวิต รถไฟ airport express จริงๆแค่ 3 นาที แต่กว่าจะวิ่งไป ซื้อตั๋ว รอรถออก แล้วความพีคคือ สนามบิน KLIA2 มันวิ่งยากมาก และไกลมาก เพราะรถไฟขึ้นไปโผล่กลางห้าง Gateway ต้องเข็นกระเป๋าขึ้นบันไดเลื่อนสองชั้น กว่าจะถึง counter คือ 20.45 คือ 1 ชั่วโมง5นาทีก่อนบิน สตาฟบอกว่า เค้าปิดการขาย 2 ชั่วโมงก่อนบินนะยู คือสรุปยังไงก็ไม่มีทางทันอยู่แล้ว
✈️✈️ ความรู้ใหม่ ** ตั๋วเครื่องบินต้องซื้อล่วงหน้าก่อนเวลาบินอย่างน้อย 2 ชั่วโมงนะคะ ไม่ใช่ซื้อปุ๊บบินปั๊บ ไม่ใช่รถเมล์นะยัยมี๊แพนด้าเอ๊ย (คือระหว่างวิ่งลองจองใน app ไปด้วยมันขึ้นว่าจองออนไลน์ไม่ได้ถ้าก่อนเวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมง ให้ไปจองที่ counter สนามบิน เราเลยมีความหวังค่ะ😂)
❌❌ คืนนี้เราจะต้องแยกกันนอน 😢 เพราะป๊ากะแพนด้าถึงก่อน ส่วนมี๊แพนด้าต้องบินเช้าตามไป
ความรู้สึกตอนนั้นคือหัวชา คิดไรไม่ออก เพราะป๊าแพนด้ากะลูกเค้าคิดแค่ว่าเราจะตามไป land ช้ากว่าแค่ชั่วโมงเดียว
นั่งพักเหนื่อย มือไม้ยังสั่นจากการรีบมาก โทรหาป๊าแพนด้าไม่รับแล้ว คงรีบวิ่งขึ้นเครื่องจนไม่ว่าง และนั่งรอจน สามทุ่มไม่โทรมา ก็โล่งใจว่าคงขึ้นเครื่องด้วยดีเลยไม่โทรมา
💡💡ตั้งสติค่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด 💡💡
– อย่างแรกคือหาไฟลท์ใหม่ ไม่คิดถึง Malaysia airlines เลยเพราะจำเวลาที่สตาฟบอกคือเครื่องออกเก้าครึ่งถึงหลังเที่ยง สายเกิน โปรแกรมเที่ยวพังหมด เลยตัดสินใจซื้อตั๋วใหม่เลย มี Malinda air บินเร็วสุด 7.55 ถึง 11 โมงนิดๆ ณจุดนี้เวลาทุกชั่วโมงทุกนาทีมีค่า อยากไปถึงให้เร็วที่สุด กดซื้อตั๋วออนไลน์ไปแบบไม่คิดเยอะ 5พันกว่ามีน้ำหนักกะเป๋า30โลให้ด้วย Malindo air อยู่ KLIA1 ไม่เคยรู้มาก่อน คิดว่ามันเป็น low cost มาตลอด แต่ประสบการณ์บินกะสายนี้แย่มาก ไมาแนะนำอย่างแรง
– คิดว่าจะนอนไหนดี หรือไม่นอนดี ชั้นจะไปเช็คอินแต่ไก่โห่ ไม่นอนดีมั้ย แต่คิดไปมา ชั้นต้องอาบน้ำ ตัวเน่ามาก โรงแรมแถว KLIA2 เยอะกว่า KLiA แต่ส่วนใหญ่อยู่ข้างนอกสนามบิน แต่เราไม่อยากไปไหนแล้ว อยากนอนสนามบินนี่แหละ เค้ามี capsule hotel นอนเดี่ยว มีเรท 3/6/12 ชั่วโมงเริ่มแค่ 1 พันริงกิต ประมาณ 800 บาท มี๊แพนด้าเลยได้นอน capsule hotel ครั้งแรกในชีวิต
– จัดการแจ้งรถและโรงแรมที่บาหลี ปกติมี๊แพนด้าแพลนทุกอย่าง ป๊าแพนด้าไม่รู้รายละเอียด เราต้องจัดการให้คนฝั่งนู้นรู้เรื่องก่อนว่าจะเจอพ่อลูก ที่ชื่อไม่ตรงกับ Booking ที่ทุกอย่างจองเป็นชื่อมี๊แพนด้า คนรถตอบเฟสยุคเร็ว ก็แจ้งง่าย โรงแรมไม่อ่านอีเมล ต้องโทรไปอธิบาย ให้แน่ใจว่าสองคนพ่อลูกเข้าโรงแรมราบรื่น
– จัดตารางเที่ยวใหม่ เวลาลดลง เพราะตอนแรกจะให้รถมารับที่รร. แล้วเริ่มเที่ยวแต่ช่วงเช้า
– ไปเข้า capsule hotel จัดการตัวเอง และนอนรอเวลาพ่อลูก landing แจ้งข่าวร้าย รอกว่าสองคนจะผ่าน immigration นั่งรถไปโรงแรมเช็คอิน กว่าจะได้นอนก็ตีสอง
– แหกขี้ตาตื่นเช้าไปเช็คอินตอนตีห้าเป็นคนแรกๆ ที่ KLIA เข้าสนามบินเตรียมรอเครื่องออก ทุกอย่างเหมือนดูดี ขึ้นเครื่องเสร็จเครื่องมีปัญหา delay เกือบสองชม. นึกว่าไม่ได้ไปแล้วววว สรุปสายเท่าเดิม land 12.30 ต่อด้วย immigrantion 2 ชั่วโมง ความโชคร้ายซ้ำซ้อน 😓😓😓
หมดกันค่ะวันแรก ตัดโปรแกรมกระจาย
พ่อลูกรอรับที่สนามบินสนามบินจนเหี่ยว แต่เอาน่า ได้กอดกันอีกทีก็ดีใจมากละ
ต้องขอชมฝั่งป๊าแพนด้าเช่นกันที่อธิบายสถานการณ์และบริหารความรู้สึกแพนด้าได้ดี ไม่มีดราม่าน้ำตานองกะลูกนะคะ 🙂
❌❌ online check in ขากลับไม่ได้ เพราะสายการบิน record ว่ามี๊แพนด้า “no show”
😓😓ความดราม่ายังไม่หมด กะลังเที่ยวหนุกๆ อีเมลเตือนให้ online check in ขากลับ กดๆเช็คอิน ดันเช็คได้แต่พ่อลูก โทรถาม call center ว่าทำไม วันนั้นคือ 13 April. วันเสาร์ ต้องบินกลับ 15 April วันจันทร์
พนง call center บอกว่าที่ระบบ มันโชว์ว่าเราพยายามจะเช็คอิน แต่มัน block เนื่องจากเรา no show ขามานี่นา เราเลยอธิบายยืดยาว ถึงเหตุการณ์วันที่ไม่ได้บิน ว่าชั้นมาสาย ใช่ แต่ชั้นโดนโดนปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง I was declined from airline from checking in ไม่ได้ไม่มาหนิ ถึงบอกว่า no show แล้วทำไมไม่ให้เช็คอินล่ะ พนักงานตอบว่าเพราะมันมี no show fee ที่ยูต้องจ่ายก่อนถึงเช็คอินได้ ชั้นสวนทันทีว่า
1. ชั้นไม่ได้ no show
2. Your ground staff did not allow me to check in and board the flight คือจนทเช็คอิน ไม่ให้ชั้นไปเอง มันต้องมี status อื่นที่ไม่ได้เรียกว่า no show ดิ
3. จะชาร์จชั้นทำไม ชั้นทำไรให้สายการบินเดือดร้อน ถ้า no show หลังจาก online check in มา แล้วสายการบินออกช้า delay เพราะรอเรามาเก้อ นั่นคือเสียหาย มีเหตุผลให้คิดตังค่าปรับ
4. แต่เฮ้ย จนทยูอ่ะ อี ground staff ที่ไม่ให้ชั้น check in เนี่ย คนเดียวกะที่ออก boarding pass ให้พ่อลูกบินกันสองคน มันไม่ได้แจ้งในระบบนะว่าชั้นมา แต่เค้าไม่ให้ชั้นบิน เพราะหน้า Gate เค้าวุ่นวาย ไม่ให้เครื่องออก รอดิชั้นค่ะ จนเดินมาถามสามีสองสามรอบ ว่าไม่ต้องรอ your wife เหรอ are you sure? ตลกมะ คือแกต้องมีการสื่อสารกันนิดนึงป่ะ แค่หน้า counter ไป gate เนี่ย สรุปเครื่อง delay 15 นาที จริงๆ เธอเอากระเป๋าส่งเข้าไปให้ชั้นก็ทันนะ แอบเซ็ง
มีหลักฐานจาก Flightradar.com
5. อีกเฮ้ย คือชั้นจ่ายตังซื้อตั๋วใหม่ บินมาเองนะยู เพราะชั้นรู้ชั้นผิด ไม่ได้เรียกร้องไร ไม่ได้คอมเพลนอะไร แล้วจะมาคิดตังชั้นเพิ่มอีก ใจร้ายกะชั้นมาก
6. ชั้นไม่ได้รับการ properly inform จากพนักงาน ground check in คนนั้นเลย ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขากลับ ใช่เราผิดที่เรามาสาย แต่ในฐานะผู้บริการ ที่มีใจเห็นใจเพื่อนร่วมโลกตาดำๆลูกเล็กที่ต้องแยกกันบิน เธอต้องบอกชั้นนิดนึงปะ ว่ายูจะติดปัญหาตอนเช็คอินขากลับนะ แล้วต้องติดต่อสนามบิน สายการบินอะไรยังไง ชั้นจะได้ทำให้เสร็จ ชั้นอยู่ว่างๆ ในสนามบินคนเดียวนะเว่ย
7. จะคิดตัง แต่ “I’m sorry ma’am I don’t have the quotation right now. I will need to get back to you. Can I have your number and I will be in touch” คือจะคิดตัง แต่ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ จะโทรกลับมาบอกอีกที “what do you mean you don’t have a standard fee for this?!?!?” แน่นอนว่าชั้นไม่เข้าใจ ว่าทำไมสายการบินถึงไม่มีค่าปรับมาตรฐานของเหตุการณ์แบบนี้ ถึงมันจะดู nonsense และชั้นไม่เห็นด้วยที่โดนปรับ แต่ถ้าชั้นจะต้องจ่าย any way ชั้นก็จะรีบๆจ่าย จะได้รีบๆออกตั๋ว เพื่อให้ชั้นเที่ยวได้อย่างสบายใจ ว่าวันกลับชั้นจะได้กลับกะลูกและสามีโดยไม่มีการต้องไปวิ่งวุ่นที่สนามบิน
แต่จนทเค้าคงทำได้แค่นี้ คุยไป 15 นาที ค่าโทรทางไกลบาน ชั้นถามคำถามสุดท้าย ว่าชั้นจ่ายได้นะเพราะยังไงชั้นจะกลับไฟลท์นี้กะลูกและสามี แต่ชั้นจะ complain ชั้น complain เป็นทางการกะยูได้มั้ย นาง politely answer ว่าไม่ได้
✈️✈️complaint channel ของ Malaysia airline อย่างเดียวคือทางอีเมล ✈️✈️ ว้อทดา.. Fxxx 🤬🤬
👎🏻👎🏻🤬🤬 RIP Malaysia Airlines 🤬🤬👎🏻👎🏻
สายการบินแกมันน่าเจ๊งจริงๆให้ตาย นี่เป็นคนใจเย็นมากแล้ว แต่โกรธนะคะ มันจะอะไรนักหนา
ค่ะ ชั้นรอ ชั้นให้เวลาเค้า 1 วัน คืนถัดมา โทรไปอีก เพราะวันรุ่งขึ้นต้องบินกลับ ไฟลท์ 16.25 แต่ยังไม่มีใครติดต่อมา
❌❌ call center ยังไม่มีคำตอบ และไม่มีบันทึกไว้ถึงเรื่องราวที่ชั้นโทรมาเสียค่าทางไกล 15 นาทีเมื่อคืนก่อน ❌❌
ค่ะ ชั้นต้องเล่าใหม่ เล่าไปครึ่งเรื่อง อี call center แขกคนนี้สำเนียงแย่จริง ฟังนางพูดไม่ออกเลย นางก็ฟังชั้นพูดไม่ออก พูด ๆ เงียบๆ ฮัลโหลๆ บอกให้วางละโทรมาใหม่ พอโทรกลับถามหานาง จะได้ไม่ต้องเล่าซ้ำ on hold ไป 5 นาที มันน่าโมโหมั้ยคะ ชั้นวางละโทรใหม่ คุยกะใครก็ได้ว้อย เล่าใหม่ก็ได้
โชคดี finally คนสุดท้ายนี้รู้เรื่องสุด รอบหลังพอนางเข้าใจทุกอย่าง บอกว่าให้ gold สายรอหน่อยนะ จะไปเช็คให้ เรารอไปเกือบ 10นาที นึกว่าเฟลอีกละ เกือบถอดใจว่ามันคงไม่มีใครช่วยเราได้ สงสัยต้องไปสู้รบเอาเองที่สนามบิน เรากดวาง โทรไปใหม่ เจอ call center คนที่สาม กะลังบ่นนางว่าเรารอนานมากเลย ไม่มีใครอัพเดท ก็มีสายเข้ามาจาก Malaysia คือ call center คนเมื่อกี๊โทรเข้ามาจ้า
🌈🌈ในที่สุดฟ้าก็เมตตาดิชั้น ได้boarding pass มากอด (ในมือถือ) ให้หลับฝันดีตอนตีสาม 🤣🌈🌈
Call center ใจดีคนนี้ ติดต่อสนามบินให้ เปลี่ยน status ขามาไม่ no show ให้เรา online check in ได้ จัดการออก e boarding pas และอีเมลให้เราของสามคนเลย ในที่สุดค่าโทรทางไกลก็มีค่า และเค้าไม่มี no show fee ชาร์ตเราด้วย เห้อ กว่าจะ happy ending เค้าชื่อขึ้นต้นด้วย J อะไรซักอย่าง จะขอบคุณถามชื่อนางบอกไม่เป็นไร ช่วยแก้ปัญหาได้นางก็ยินดี น่ารักมาก ๆ
ขากลับเลยไปสนามบินด้วยความสบายใจ บินกลับบ้านราบรื่น happy ending
เป็นบทเรียนสำคัญ ได้ความรู้ใหม่หลายอย่าง
🌈🌈 เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า .. 🌈🌈
1. กฏสนามบินคือกฏ เราสายเองจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่จะไปเถียงหรือต่อว่าเจ้าหน้าที่เลย (ถึงเราจะคิดว่าสตาฟมาเลใจร้ายไม่น่ารัก พี่ไทยเราน่ารักสุดแล้วจริงๆ ค่ะ)
มาดูความผิดพลาดที่ต้นเหตุของเราค่ะ
❌❌ มาเลรถติดสู้กทมได้เลยนะ และเรากะเวลาเดินทางไปสนามบินผิดจริงๆ
เหตุเกิดจากความประมาทของเราเอง กะเวลาพลาด ทั้งๆที่ไป KL บ่อยมากและค่อนข้างคุ้นเคยกับเส้นทาง เรามัวแต่เสียเวลาเรียก grab รอ grab วนหาเราไม่เจอจากห้าง KLCC ที่เราต้องแวะไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ FRASER Residence ก่อนไปขึ้นรถไฟ airport express ที่ KL Sentral จริงๆทุกที่ใกล้กันมาก แต่เราลืมบวกความเสี่ยงของการรถติดที่ไม่ขยับ คือพลาดหลายอย่าง
– มัวแต่เสียเวลากับ grab ที่หากันหน้าห้างไม่เจอ น่าจะ15 นาทีได้ จริงๆควรขึ้นแท็กซี่อื่นไปเลย
– พอผิดเวลา รถก็ติดสะสม จาก klcc ไป Fraser ที่ควรเร็วกว่า 10 นาที กลายเป็น 20 นาที จาก FRASER ไป KL Sentral ที่ควรเป็น 10นาที ใน google map กลายเป็นครึ่งชม. เรารู้ว่าไม่ทันแน่ ๆ ให้แท็กซี่ส่งสถานีรถไฟที่ใกล้สุด นั่ง 3 สถานีถึง KL Sentral ด้วยเวลา 10 นาที
– แต่ KL express ที่เดินทาง 28 นาทีจาก KL Sentral ถึง KLIA ก็มีรอบออก มันออกทุก 15 นาที ตอนเรามาถึง รถขบวนก่อนเพื่งออกไปสองนาที เลยต้องนั่งรอ คือเวลาจะโชคร้าย ทุกอย่างมันก็มาโชคร้ายพร้อมไปกันอะเนอะ เป็น series of unfortunate events 🤣
ดังนั้น แพลนเวลาเผื่อเยอะหน่อยค่ะ คนที่ KL เค้าพูดว่ายูต้องถึงสนามบิน 3-4 ชั่โมงก่อนบินเลย ก็จะน่าเบื่อไปนิด เราว่าซัก 2 ชั่วโมงกะลังดี
2. การมีอินเตอร์เนตและ roaming ให้ติดต่อกรณีฉุกเฉินแบบนี้ สำคัญมาก ไม่อยาก imagine ว่าถ้าสถานการณ์นี้เกิดแล้วเราไม่มีอินเตอร์เน็ตชีวิตจะชีช้ำแค่ไหน และอย่าลืม power bank แบตหมดพรวดๆ นะคะ มีหลายสิ่งให้ search หา
3. การเก็บแผนการเดินทาง flight confirmation / hotel confirmation ทั้งในเมลและพิมพ์กระดาษออกมา มีประโยชน์มาก อย่างของเราที่รอบนี้ลืมอีกอย่างคือเราเก็บเอกสารคนเดียว จริงๆต้องเก็บไว้กับพ่อแพนด้า แต่เราก็ส่งทุกอย่างให้ทางอีเมลและ line พร้อมคำอธิบาย เพราะพ่อแพนด้าไม่เคยรู้รายละเอียดการจอง
4. ตอนเราบินตามไปแล้วเครื่องขัดข้องออกไม่ได้ (Malindo air) เรามีความกลัวแว้บนึง ว่าถ้าเครื่องเป็นอะไรแล้วเราบินไม่ถึงจะทำไงเนี่ย เป็นหม่ามี๊ขี้นอย ว่าแล้วก็ส่ง username password อีเมลตัวเองให้สามี โทรปลุกนางให้ตื่นมาอ่านข้อความ แล้วบอกว่าถ้าฉุกเฉิน เธอหาทุกอย่างได้ในอีเมลนะ การบินแยกกันมันก็แย่ตรงนี้ พอเกิดปัญหาเยอะเลยยิ่งนอย ว่าจะมีอะไรแย่กว่านี้ได้อีก มี worst case อะไรกว่านี้มั้ย
5. สติ คือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุแบบนี้ เราไม่โทษกันเองว่าแพลนผิด ใครช้า ใครสาย เราไมเสียเวลาว่าพนักงานที่สนามบิน เพราะไม่เกิดประโยชน์ เมื่อเราเดินทางถึงเจอกัน เราปรับโหมดแฮปปี้เที่ยวต่อ เพราะเสียเวลาทั้งคืนมันมากพอแล้ว อย่าให้เรื่องแย่ มาเสียเวลาเสียอารมณ์เรานานกว่านี้ บอกตัวเองว่าต้องเที่ยวให้คุ้ม
6. ใช้บริการ call center สายการบิน สายการบินจะมี call center 24 ชั่วโมง ถ้าเกิดเคสฉุกเฉินกี่โมงก็โทรไปค่ะ เราโทรตอนหลังเที่ยงคืน ไม่โทรก็ไม่สบายใจนอนไม่หลับ
7. แต่จริงๆ ถ้ารู้ปัญหาก่อน การไปถามที่ counter สนามบินน่าจะได้คำตอบที่ดีกว่า ไม่เปลืองค่าโทรทางไกล
8. เคส No show คือถ้าเราซื้อตั๋วสายการบิน full service แล้วตกเครื่อง จะเกิด status นี้ ซึ่งมีผลต่างกันแล้วแต่สายการบิน บางสายการบินคิดค่าปรับ no show fee บางสายจะไม่คอนเฟิร์มขากลับ ดังนั้นถ้าเราเกิดเหตุการณ์ใดๆ ให้ไม่ได้ขึ้นเครื่อง ควรติดต่อแจ้งสายการบิน เพื่อได้ทราบแน่ชัดว่ามีผลอะไร และต้องทำเรื่องอะไรให้ไม่มีปัญหากับขากลับนะคะ อย่ารอจนวันจะกลับ ถ้ามีปัญหาจะแก้ยาก เผื่อสนามบินคนเยอะเราไปสายหรือพนักงานพูดไม่รู้เรื่อง การเคลียร์ปัญหาก่อนล่วงหน้าดีที่สุด
(ส่วน low cost ขาไปกลับจะแยกกัน การทิ้งตั๋ว หรือไม่บินขานึงไม่มีผลกับขากลับ )
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณความโชคดีที่สมัยเรียนเรียนภาษาอังกฤษเจอมาหลายสำเนียงทั้งแขกจีนพม่า ฯลฯ ทำให้กรณีฉุกเฉินแบบนี้เราตอบโต้กับพนักงานได้มีประสิทธิภาพ พวกเค้าไม่สามารถไม่ service เราได้ เพราะเรามั่นใจว่าเราสื่อสารชัดเจนและรู้เรื่อง
ขอปิดท้ายด้วยอีเมล complain ที่เราส่งให้ Malaysia airlines ที่รับ complain แต่ทางอีเมลเท่านั้น (ปล. ลองติดต่อไปทางเฟซบุคด้วย แต่ตามคาดคือทำไรไม่ได้ บอกให้ไปส่งเมลเหมือนเดิม)
Dear Malaysia Airlines,
Sincerely
บุญรักษา อย่าเกิดปัญหาแบบเราค่ะทุกคน 😉 🙂
วันที่ 1 Uma Patel Swing & Agri Tour – Rice Terrace Cafe – Ubud Center [Bucu View Ubud Hotel]
วันที่ 2 Ubud – Ulundanu Beratan Lake temple – Handara Gate – Tanah Lot – Canggu beach (LV8 Hotel)
วันที่ 3 Canggu – Uluwatu Temple – Jimbaran Seafood – Ulu segara Nusa Dua Hotel – Kuta shopping & Dinner