เมื่อพูดถึงการเตรียมตัวพาเด็กเล็กเที่ยวเมืองนอก หรือเที่ยวไกลที่ต้องนั่งเครื่องบิน หนึ่งในความกังวลเรื่องแรกๆ ของพ่อแม่คือเรื่องการพาลูกนั่งเครื่องบินนี่เอง
คิดว่าหลายๆ คนที่เดินทางเครื่องบินบ่อยๆ คงจะเคยเจอประสบการณ์เจอเด็กบนเครื่องร้องไห้งอแงมาก่อน บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าน่ารำคาญจัง ทำไมพ่อแม่เค้าถึงต้องพาลูกมาขึ้นเครื่อง น่าสงสารเด็ก แต่ก่อนตัวเองก็แอบมีรำคาญบ้างนะคะ แต่พอมีลูกแล้วเข้าใจเลยว่าบางทีพ่อแม่ไม่ได้อยากให้ลูกร้องไห้หรอก แค่ลูกงอแงก็เครียดละ ไหนจะเครียดว่าเป็นการรบกวนผู้โดยสารคนอื่นอีก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้หลายๆ ครอบครัวคิดว่า ไม่เอาลูกเล็กไปเที่ยวดีกว่า ไว้รอโตก่อน
แต่ถ้าหากว่ามีความจำเป็นต้องไปจริงๆ (เช่นอาจจะไม่มีคนให้ฝากเลี้ยงลูก หรือลูกติดพ่อแม่มาก ถ้าอยู่กับคนอื่นจะงอแงมาก ฯลฯ) การเตรียมตัวที่ดีช่วยลดความเสี่ยงที่คุณลูกจะร้องไห้งอแงนะคะ
เรามารวบรวม tips การพาเด็กเล็กขึ้นเครื่องบินในจากประสบการณ์บินกะแพนด้ามาค่ะ แต่ละช่วงอายุจะมีความยาก และมีเรื่องให้ห่วงต่างกันนะคะ
จากประสบการณ์พาลูกขึ้นเครื่องมาหลายๆ ครั้ง 8 เคล็ดไม่ลับที่จะช่วยให้การเดินทางราบรื่น ดังนี้ค่ะ
- ความเข้าใจเรื่องความดันอากาศ ซึ่งจะทำให้เด็กเล็กปวดหูและร้องไห้งอแงได้ เพราะเค้ายังกลืนน้ำลายแบบผู้ใหญ่ไม่เป็นนะคะ วัยต่ำกว่าขวบแนะนำให้เข้าเต้า หรือดูดขวดน้ำ/ ขวดนม 1-2 ขวบให้ทานขนมให้ได้เคี้ยวและกลืนน้ำลาย หรือให้ทานน้ำผลไม้หรือนมกล่องก็ได้ค่ะ ที่สำคัญคือช่วงเวลาที่เครื่องบินไต่ระดับตอนขาขึ้น กับตอนลดระดับตอนขาจะลงจอด ไม่ควรให้ทานเยอะก่อนเพราะถึงเวลาเครื่องบินเปลี่ยนระดับจริงๆจะไม่ยอมทานอะไรและปวดหูได้นะคะ
- เด็กบางคนอ้วกเวลาเจอความดันอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ (แพนด้าอ้วกตอนขึ้นเครื่องครั้งแรก แต่ไม่งอแง) เมื่อลูกอ้วกพ่อแม่ต้องนิ่ง อย่าตกใจค่ะ ไม่งั้นเกิดลูกตกใจตามจะร้องไห้ อย่างแรกคือตั้งสติ บอกลูกว่าไม่เป็นไร แล้วทำความสะอาดนะคะ
- เตรียมอุปกรณ์ของลูกให้พร้อม กระเป๋าลูกพร้อม baby wipe ผ้าอ้อมไว้เช็ด เสื้อเปลี่ยนกันซนเเลอะเทอะ หรือแหวะนม ฯลฯ
- เรื่องนอนเรื่องใหญ่ เด็กบางคนนอนไม่พอจะงอแง เพราะฉะนั้นพยายามให้นอนให้เยอะที่สุดค่ะ เช่นถ้าบินเช้าตรู่ อุ้มลูกจากเตียงขึ้นรถมาเลย ทำยังไงก็ได้ให้หลับนานๆ ให้ได้ตามเวลานอนปกติของเค้า เค้าจะตื่นมาสดชื่นไม่งอแง หรือถ้าบินกลางคืนพยายามให้ลูกนอน เด็กบางคนตื่นที่จะนอนยาก อาจจะต้องพยายามให้เล่นเยอะๆ ตอนกลางวันหรือตอนหัวค่ำก่อนขึ้นเครื่องจะได้เพลียและนอนง่ายหน่อย
- อย่าลืมตารางทานข้าวของลูก บางทีเวลาเดินทางเราจะวุ่นวายมัวแต่เตรียมเรื่องอื่น ๆ แต่เรื่องกินเป็นเรื่องที่ลืมไม่ได้ค่ะ โดยเฉพาะตอนยังเล็กที่ต้องทานนมทุก 2-3 ชม. หรือ 3-4 ชม. ต้องให้เค้าได้ทานเวลาตามปกติ ไม่งั้นถ้าหิว หงุดหงิด ประกอบกับแปลกที่จะงอแงเยอะขึ้น
- ของเล่นอยู่รอบตัว การพกของเล่นขึ้นเครื่องไปด้วยเป็นความอุ่นใจของพ่อแม่ แต่ให้มันพอดีนะคะ ไม่ต้องเยอะเกิน ขนของอย่างอื่นเยอะแล้ว ของให้ลูกเล่นเน้นชิ้นเล็กๆ เบาๆ สติ๊กเกอร์นี่แนะนำมากๆ ค่ะ เบาและได้เรื่อย ๆ หรือพวกการ์ดภาพ นิทานเล่มเล็กๆบางๆ นอกจากนั้นไปเล่นของรอบตัวเอา พวกโบรชัวร์ แมกกาซีนที่เค้าวางไว้ให้แต่ละที่นั่งอ่านก็ใช้ลอกล่อได้พักใหญ่ค่ะ ถ้าขึ้นสายการบิน full service จะมีของแจกเด็กค่ะ แต่ละช่วงอายุมีของแจกไม่เหมือนกัน เช่นของเล่นเป่าลม สมุดสติ๊กเกอร์ ชุดระบายสี ฯลฯ
7. เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าให้ใครมาว่าได้ หรืออย่าให้ใครถ่ายรูปไปลงในเพจ #ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน :p ดังนั้น balance การตามใจลูกให้พอประมาณค่ะ เนื่องจากเราอยู่บนเครื่องบิน ถ้าลูกดราม่าร้องโวยวายไม่มีเหตุผล บนเครื่องจะไม่ใช่เวลาที่จะมาฝึกลูกโดยการปล่อยร้อง เพราะจะรบกวนคนอื่น อาจจะต้องใช้การเบี่ยงเบนความสนใจแทนด้วยของเล่น ติ๊กเกอร์ ตัวช่วยต่าง ๆ แต่ในขณะเดียวกันเราต้องไม่ตามใจลูกจนเคยตัว เช่น ครอบครัวเราจะไม่พาลูกเดิน หรือปล่อยลูกไปวิ่งเล่นนอกบริเวณของตัวเองเลย คือถ้าลงมายืนที่พื้นคือจะอยู่ที่หน้าที่นั่งของเราสองคนเท่านั้น (ที่นั่ง extra leg room มีที่ให้เด็กพอยืนได้) เพราะเราคิดว่าเด็กฉลาด ถ้างอแงแล้วเราปล่อยเค้าจะทำอีกเพราะรู้ว่าเรายอม เราเลยใช้เบี่ยงเบนความสนใจ หลอกหล่ออย่างอื่น แต่ให้เค้าอยู่ในที่นั่งตัวเอง
8. ใช้ multimedia บนเครื่องให้เป็นประโยชน์ ถ้าบินไกล full service จะมีหน้าจอให้ มีการ์ตูนและเกมส์ ถ้าลองหลอกล่อด้วยวิธีอื่นๆแล้วไม่ได้ผล ลองให้ดูพวกนี้ก็ได้นะคะ บางคนบอกยังไม่ถึง 2 ขวบไม่อยากให้ดู เรามองว่าเป็นครั้งคราว ดูไม่นานแล้วมีเราอยู่คอยชวนคุยชวนสอน ไม่เป็นไรนะ ดีกว่าให้ลูกไปลิง หรือโวยวายกวนคนอื่น
อ่านรีวิวการพาลูกขึ้นเครื่องแต่ละช่วงอายุตามลิงค์ข้างล่างนะคะ
ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก (3 เดือน) ทริปสิงคโปร์
ทริปแรก ลูกยังเล็กมากค่ะ ก็จะห่วงเรื่องเจ็บหูเวลาเครื่องบินเปลี่ยนระดับทั้งขาขึ้นขาลง ที่หาข้อมูลมาคือถ้าลูกกินนมแม่ให้เข้าเต้าเลย สรุปว่าโอเคทั้งไปกลับคือไม่ร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมดค่ะ คือชีไม่ร้องไห้ แต่เนื่องจากยัยแม่เนี่ย นอย ให้ลูกเข้าเต้าเร็วไปหน่อย สงสัยจะกินนมเยอะไป อ้วกออกมาหมดตอนขาขึ้นตอนขาไปจากกทม.สิงคโปร์จ้า .. -_-” เข็ดไปเลยค่ะ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าต้องกะเวลาเข้าเต้าทั้งก่อนขึ้น และระหว่างขึ้นเครื่องดีๆ นะคะ
ขึ้นเครื่องทริปยาว 6 ชม.ครั้งแรก (8 เดือน) ทริปโตเกียว
ตอน 8 เดือนก็ยังทานนมแม่อยู่ค่ะ ก็เข้าเต้าสบายไม่มีปัญหา จะมีเรื่องระยะเวลาเดินทางซึ่งยาวขึ้น ต้องหาทาง entertain และพยายามให้เค้านอน จะได้ไม่เพลีย ถ้าง่วงจะงอแง แต่ก็ยังถือว่าไม่ยากมากนะ ส่วนตัวคิดว่าเด็กวัยกะลังเดินอะยากกว่าเพราะรู้เรื่องแล้วซนจะลงไปเดิน
ขึ้นเครื่องแบบไม่พึ่งนมแม่ (1 ขวบ) กะทริปสิงค์โปร์
วัยนี้มีความยากเรื่องความลิงค่ะ เพราะเพิ่งจะเริ่มหัดเดิน จะดิ้นลงๆตลอด จนสุดท้ายเราต้องเอาผ้าปูพื้น ให้เดินให้สบายใจเลยจ่ะ โชคดีว่าได้ที่เข้ามุม และนั่งกันสองคนไม่มีคนอื่น เลยไม่ได้กวนคนข้างๆเพราะเราให้เดินอยู่แค่ในคอกเล็กๆช่วงสองที่นั่งของเราสองคน อีกเรื่องนึงคือเราฝึกการขึ้นเครื่องแบบไม่เข้าเต้ากับทริปนี้ครั้งแรกค่ะ จริงๆยังทานนมแม่อยู่ แต่อยากจะฝึก เผื่อว่าจะให้บินกะพ่อสองคนตามไปหาแม่เวลาทำงานบ้าง :p
ขึ้นเครื่องกับเด็กวัยกำลังเดิน (1 ขวบครึ่ง) ทริปโอซาก้า
วัยนี้เป็นวัยลิงค่ะ เรื่องขึ้นเครื่องลงเครื่องไม่เครียดละ จะต้องเอาพลังงานไปใช้กับการ entertain ไม่ให้ชีลงไปเดินป่วนคนอื่น และทำไงให้นอน จะได้ไม่งอแง และพ่อแม่จาได้นอนบ้าง
ทริปล่าสุดเป็นทริปเดินทางไกลไปอังกฤษ เป็นทริปข้ามทวีปครั้งแรกของหนู บิน 10 กว่าชม. มี transit ทีนึง รอมามี๊แพนด้าเขียนแป๊บบบนะคะ ^^ coming soon ค่ะ 🙂 🙂